รีวิวหนัง Netflix The King Eternal Monarch แฟนตาซีโลกคู่ขนาน เมื่อเกาหลียังมีสมเด็จพระจักรพรรดิปกครองอยู่

ซีรีส์เกาหลี The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ ของ Netflix เรื่องราวแฟนตาซีโลกคู่ขนาน เมื่อประเทศเกาหลียังมีสมเด็จพระจักรพรรดิปกครองอยู่ และเขาได้ข้ามประตูมิติมายังโลกอีกด้านเพื่อตามหาหญิงสาวที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้จากการก่อกบฏขององค์ชายต่างมารดาที่พยายามฆ่าเขาในวัยเด็ก

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องของโลกคู่ขนานและการเล่นกับห้วงเวลาไปพร้อมกัน โดยเรื่องราวเปิดมาที่อนาคตก่อนเรื่องจริงจะดำเนินไปในช่วงหลัง ผ่านเรื่องเล่าของ “อีริม” (รับบทโดย Lee Jung-Jin) ชายปริศนาอายุ 70 ปีผู้เล่าถึงประวัติตัวเองว่ามาจากอีกโลกหนึ่ง ในช่วงปีของจักรวรรดิเกาหลี 1994 กับการแย่งชิงขลุ่ยวิเศษ “มันพาชิกช็อก” ที่มีอำนาจลี้ลับหลายอย่างแฝงอยู่ และเป็นสมบัติแห่งชาติของจักรวรรดิเกาหลีในโลกแห่งนี้ และเขาต้องสังหารน้องชายผู้ครองบัลลังค์พร้อมกับ “อีกน” หลานชายเพื่อให้ได้ของสิ่งนี้มา แต่แผนกลับผิดพลาดจากการปรากฏตัวอย่างลึกลับของคนผู้หนึ่งที่ได้เข้ามาช่วยชีวิตอีกอนไว้ได้ อีริมจึงต้องหนีไปและได้ข้ามประตูมิติในป่าไผ่มายังโลกปกติที่ปกครองด้วยระบบสาธารณะรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข โดยราชวงศ์เกาหลีได้สูญสิ้นไปแล้วในปัจจุบัน เขาได้มาพบตัวเองและหลายชายในโลกแห่งนี้อีกครั้งที่มีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา ก่อนจะสังหารทั้งคู่ลงอีกครั้ง
ในเวลาต่อมาเจ้าชายอีกนได้เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อีสืบต่อจากพ่อ และก็พยายามตามหาหญิงสาวปริศนาที่คาดว่ามาช่วยเขาในวัยเด็ก จากการที่ป้ายห้อยคอของเธอหล่นในวันนั้น และระบุว่าเป็นตำรวจ วันหนึ่งอีกนก็ได้พบประตูมิติในป่าไผ่ และก็ข้ามประตูมาพร้อมกับม้าขาวคู่ใจมายังโลกอีกด้าน จนมาเจอกับ “จองแทอึล” (รับบทโดย Kim Go-Eun) หญิงสาวที่เขาตามหาในโลกแห่งนี้มาตลอดชีวิต

จุดเด่นของเรื่องที่เกินหน้าทุกอย่างคือการกลับมาของ Lee Min-Ho นายแบบดาราหนุ่มรูปหล่อชื่อเสียงโด่งดังทั้งในเกาหลี จีน รวมถึงเอเชียจากผลงานการแสดงดังๆ อย่างเรื่อง The Heirs ซึ่งเขาได้หยุดการแสดงเข้าไปเป็นทหาร ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2560 ปลดประจำการเมื่อปี 2562 ก็ได้มารับบทเป็นพระเอกในซีรีส์นี้เป็นผลงานชิ้นแรก ซึ่งหลังจากได้รับชมก็ยอมรับว่าสมกับบทบาทมาก เนื่องจากต้องเล่นเป็นจักรพรรดิหนุ่มที่ต้องใช้ชีวิต 2 โลก มีบุคลิกนุ่มลึกอ่อนโยน แต่ก็เด็ดขาดแข็งกร้าวไปพร้อมกัน ซึ่งตัวซีรีส์หลักๆ ก็ขาย Lee Min-Ho จนเด่นเกินหน้ามากกว่าเนื้อเรื่องแฟนตาซี และก็เป็นตัวดึงดูดผู้ชมให้มาดูซีรีส์เรื่องนี้อย่างแท้จริง
สรุป The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ ตัวซีรีส์ยังเรียกว่าเดินเรื่องไม่ได้น่าติดตามสักเท่าไหร่ แม้จะไม่ได้อืดยืดยาด แต่เรื่องกลับดูธรรมดาทั่วไป และก็ไม่เดินหน้าเรื่องราวไปสักเท่าไหร่ มีแค่ให้เห็นนิดๆ หน่อยๆ ว่ามีการโยงเรื่องข้ามเวลาไปมาที่อาจจะทำให้คนดูสับสนอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะวนๆ กับการขายความหล่อเท่ของพระเอกทั้ง 2 โลกมากกว่าการเดินหน้าด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ซึ่งในสองตอนแรกเรื่องยังดูจืดจางมากไป อาจจะเพราะเรื่องถูกวางเป็นแฟนตาซีโรแมนซ์มากกว่าดราม่าหรือแอ็กชั่นก็ได้ แต่สิ่งที่เตะตาน่าสนใจคือการสมมุติว่าราชวงศ์เกาหลียังสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร อันนี้เป็นส่วนที่ต้องชมว่าทำได้ดีและมีความน่าสนใจเสมอเมื่อเรื่องเดินไปยังโลกฝั่งนี้ครับ